วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประวัติศาสตร์ของคนหุบเขา

                                ......ประวัติศาสตร์ของบ้านแม่ตูม

"ประวัติศาสตร์ขึ้นอยู่กับสังคมนั้นๆ โดยถูกบันทึกไว้เป็นวรรณกรรมให้เรารู้"



                             บรรยากาศยามเช้าในหมู่บ้านแม่ตูม


ลำธารที่พวกเราใช้ดื่ม (มันเย็นมากขอบอก)


บรรยากาศยามเช้าตอนฤดูฝน


ระหว่างทางไปแม่ตูม


           จากหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยป่าไม้ ภูเขาล้อมรอบหมู่บ้าน แต่พอมาวันนี้กลับเปลี่ยนไปป่าไม้ต้นไม้ลดลง ภูเขากลับกล้ายเป็นที่ทำกินของมนุษย์ ซึ่งที่ยิ่งกว่านั้นคนพวกนี้ไม่ใช่คนในหมู่บ้านแต่เป็นคนต่างหมู่บ้านที่มาทำมาหากิน 
           ช่วงเวลาที่ผ่านมาหมู่บ้านแม่ตูมเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง การเปลี่ยนแปลงนี้มีทั้งในทางที่ดีและในเวลาเดียวกันก็มีข้อเสียไปด้วย ซึ่งเราไม่สามารถปฎิเสธได้ว่า การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งจะไม่มีข้อเสียเลยมีแต่ข้อดี เช่นเดียวกันจะไม่มีแต่ข้อเสีย การเปลี่ยนแปลงย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นมนุษย์ที่ทำให้เกิดการเปลียนแปลง แต่ก็มีบ้างอย่างที่เป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติของมัน และบ้างอย่างที่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติหรือมนุษย์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดประวัติศาสตร์ และประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่สังคมนั้นๆ ในช่วงเวลานั้นๆ บอกเราให้รู้ถึงประวัติศาสตร์ซึ่งผ่านทางวรรณกรรมที่คนในสังคมนั้นๆ บันทึกไว้ให้เรารู้ถึงประวัติศาสตร์ของสังคมนั้นๆ 
      กล่าวคือ ในหมู่บ้านแม่ตูมมีคนบันทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์สมัยนั้นให้ผมรู้เกี่ยวกับมีอะไรบ้าง และทำให้ผมรู้ว่า หมู่บ้านแม่ตูมสมัยก่อน รอบๆ หมู่จะเต็มไปด้วยป่าไม้และต้นไม้ มีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่ ทุกๆ เช้าเราจะได้ยินเสียงนกร้องไก่ร้อง ตามประสาของพวกมัน แต่พอมาวันนี้ไม่เหมือนดังแต่ก่อน สัตว์ป่าต่างๆ ก็ที่จะเริ่มหายไป บางทีอาจเป็นเพราะมนุษย์ทำให้มันหายไป อาจเป็นเพราะความเจริญทางเทคโนโลยีเข้ามาจึงทำให้มันหายไปจริงหรือไม่? นี้เป็นคำถามที่คนสมัยก่อนตั้งคำถามให้กับคนสมัยนี้ 
พบกันฉบับหน้าเกี่ยวกับคำถามที่คนเฒ่าคนแก่ตั้งให้คนปัจจุบัน

ประวัติศาสตร์ของคนหุบเขา

  ประวัติศาสตร์....ไม่ได้อยู่กับที่ 
                .........แต่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา


ประวัติศาสตร์เปรียบเหมือน....                                                               
..........รถโดยสารที่การเดินอยู่ตลอดเวลา

                                                       
                  รถโดยสารไปแม่แจ่ม (ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง)

            คาร์ล  มาร์กซ์ ( Karl Heinrich Marx) นักปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์การเมือง นักประวัติศาสตร์ นักสังคมนิยม นักคอมมิวนิสต์ และนักปฏิวัติชาวเยอรมัน
 คาร์ล ไฮน์ริช มาร์กซ์ได้บอกว่า ประวัติศาสตร์นั้นวางอยู่บนความแตกต่างระหว่าง ปัจจัยการผลิต ซึ่งหมายถึงสิ่งของเช่นที่ดินหรือทรัพยากรธรรมชาติ รวมไปจนถึงเทคโนโลยี ที่จำเป็นต่อการผลิตสินค้าที่เป็นวัตถุ และ ความสัมพันธ์เชิงสังคมของการผลิต ที่กล่าวได้ว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงสังคมที่ผู้คนถูกดึงเข้าไปร่วม เมื่อเขาได้เป็นเจ้าของและได้ใช้ปัจจัยการผลิต ปัจจัยสองประการนี้รวมเป็น รูปแบบการผลิต มาร์กซสังเกตว่าในสังคมหนึ่งๆ รูปแบบการผลิตนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย สำหรับสังคมทางยุโรปนั้นมีรูปแบบในการพัฒนาโดยเริ่มจากรูปแบบการผลิตแบบศักดินา ไปจนถึงรูปแบบการผลิตแบบทุนนิยม โดยทั่วไปแล้ว มาร์กซ เชื่อว่าปัจจัยการผลิตนั้นเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วมากกว่าความสัมพันธ์ของการผลิต ยกตัวอย่างเช่นเราได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่นอินเทอร์เน็ต แต่ต้องใช้เวลาหลังจากนั้น ก่อนที่เราจะได้พัฒนากฎหมายที่ควบคุมเทคโนโลยีนั้น สำหรับมาร์กซแล้วการไม่เข้ากันของ ฐาน ทางเศรษฐกิจกับ โครงสร้างส่วนบน (superstructure) ทางสังคม คือสิ่งที่ทำให้เกิดความระส่ำระสายและความขัดแย้งในสังคม
สำหรับในความคิดของผมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ ครั้งหนึ่งหมู่บ้านของผมเป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ป่าไม้ และสิ่งนี้เองทำให้สัตว์ป่าต่างๆ ได้อยู่อาศัยรอบๆ หมู่บ้าน ทุกๆ เช้าจะได้ยินเสียงนกร้องไก่ร้องรอบๆ หมู่บ้าน ซึ่งมันทำให้ใจเข้าถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่า ที่เป็นสิ่งสร้างของพระเจ้าเหมือนกับเรา แต่พอมาวันนี้หมู่บ้านเปลี่ยนไปจากเดิมที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ชี้ให้เราเห็นว่า ประวัติศาสตร์ไม่มีการหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ตรงข้ามมีการเคลื่อนไหวอยู่ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พบกันฉบับหน้า


วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประวัติศาสตร์ชีวิตคนหุบเขา

              การเปลี่ยนแปลง... อาจเป็นสิ่งที่ดีกว่าสำหรับเรา...ที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้กับเรา                                                                                                  
   



เส้นทางของชีวิต....     
                                          .....ไม่ได้ราบเรียบอย่างที่คิด


แต่เส้นทางในชีวิตไม่ได้ขรุขระ...........
                                                ..........อย่างที่คาดไว้บางเวลาก็เป็นเส้นทางที่ราบเรียบ


 คนที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ................
                                            ...........หมู่บ้านที่ล้อมรอบด้วยภูเขา


อากาศที่เย็นสบายปราศจากเครื่องปรับอากาศ
                                 .........ตอนเช้าจะเต็มไปด้วยหมอกคัน



ชีวิตที่ไม่ได้กังวลกับเรื่องใด ๆ...........
                ...........แต่ละวันอาศัยอยู่กับธรรมชาติ



             กาลเวลาที่ผ่านไปสร้างประวัติศาสตร์ให้กับชีวิตผม ไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าเด็กบ้านนอก จากหุบเขาที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับป่าไม้กับธรรมชาติ จะมาอยู่ในเหมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี และความเจริญงอกงามในด้านต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไปชีวิตของผมก็เริ่มปรับเข้ากับกาลเวลา ปรับให้เข้ากับสังคม ปรับให้เข้ากับเพื่อนมนุษย์ แต่หลายครั้งไม่อาจลืมความทรงจำที่ผ่านมาโดยเฉพาะช่วงเวลาที่อาศัยอยู่กับธรรมชาติ มันทำให้ผมเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของโลกแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจลบลืมได้คือความทรงจำดีๆ ของผมที่ผ่านมา
       ทุกครั้งที่ผมกลับบ้านสิ่งแรกที่ผมจะไปคือทุ่งนาของผม มันทำให้ผมได้ไตร่ตรองในช่วงเวลาของผม ทำให้ผมไม่ลืมรากเหง้าของผม และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่คอยเตือนผมอยู่เสมอๆ ว่า ถึงแม้เราจะไปอยู่ที่ใดก็ตามอย่าลืมพื้นฐาน รากเหง้าของเรา สิ่งนี้มันฝังลึกอยู่ในใจ ฝังแน่นอยู่ในประวัติศาสตร์ของตัวผมที่ไม่อาจลืมได้ 
          ประวัติศาสตร์ในการเดินทางของผม บางครั้งเส้นทางไม่ได้ราบเรียบอย่างที่คิดไว้ แต่ไม่ได้ขรุขะอย่างที่คาดไว้ ทุกอย่างมันเป็นพระพรที่พระเจ้าประทานให้ผม ประวัติศาสตร์ในชีวิตของผม อาจเป็นประวัติศาสตร์ที่พระเจ้าได้วาดภาพไว้แล้ว เป็นประวัติศาสตร์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นโดยผ่านทางชีวิตของผมที่พระเจ้าประทานให้ ผมอาจจะเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ของพระเจ้า เพื่อที่พระเจ้าจะได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมา
         ทุกเวลาที่ผ่านมาเป็นพระพรที่พระเจ้าประทานให้กับผม พระเจ้าได้จัดเตรียมทุกสิ่งให้กับผม ช่วงเวลาที่ผ่านมาถึงว่าเป็นของประทานที่พระองค์ประทานให้กับผมและให้เกิดเป็นประวัติศตร์ของผม การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา อาจเป็นของประทานที่ดีกว่าที่พระองค์ได้จัดเตรียมให้ผมก็เป็นไปได้ สิ่งที่ผมจะทำต่อไคือขอบพระคุณพระองค์โดยผ่านทางการดำเนินชีวิตของผมในแต่ละวัน พบกันฉบับหน้า