วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เงื่อนไขชีวิต

เงื่อนไขของชีวิต.....
                 ชีวิตไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นใหม่ 
                                                                                   
                 

        
       เคยคิดบ้างไหม...ทำไม
                                                  ทหารต้องถือปืนและแต่งชุดแบบนี้



 เคยคิดบ้างไหม...ทำไม

                                 นักเรียนต้องตัดผมเกรียนและแต่งชุดแบบนี้


"ทุกอย่างมันมีกฏ มีเงื่อนไขของมัน ชีวิตเราก็เช่นกันเราก็มีเงื่อนไขของเรา เงื่อนไขของเราจะแตกต่างออกไปจากคนอื่นก็ไม่เห็นจะแปลกเลย ขอเพียงเราทำตามเงื่อนไขของเราเท่านั้นเอง"



   ผมเป็นเด็กชนเผ่าคนหนึ่งที่มีเงื่อนไขชีวิตเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ จากเด็กที่มาจากหุบเขาที่ห่างไกลจากเมืองและตัดสินใจออกจากหุบเขาและเข้าไปสู่เมือง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันของตนเองและความหวังของพ่อแม่ของเขาด้วย โดยที่พ่อแม่ไม่ได้วางเงื่อนไขให้เขาอย่างเป็นระบบระเบียบมากนัก เพียงแต่พ่อแม่ก็มีความหวังในตัวลูกของเขาอยู่บ้างเหมือนกับพ่อแม่ทั่วๆ ไป ที่มีความหวังจากลูกของเขาเอง และเงื่อนไขอันหนึ่งที่พ่อแม่ได้ตั้งให้กับเขาคือการเป็นคนดีของสังคมและเป็นเด็กที่เคารพเชื่อฟังพ่อแม่และผู้ใหญ่ นี้เป็นเงื่อนไขที่พ่อแม่ตั้งให้กับเขา

       ผมเป็นเด็กที่มาจากหุบเขาและเข้าสู่เมืองที่เต็มเปี่ยมด้วยความฝันและความหวังเล็กๆ จากพ่อแม่ เหมือนกับพ่อแม่ของเด็กคนอื่นๆ ที่มีความหวังจากลูก และความฝันของผมก็เหมือนกับเด็กๆ ทั่วไป พูดง่ายๆ คือเห็นเพื่อนมีความฝันที่จะเป็นสิ่งนั้นก็อยากเป็นเหมือนเขา เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าความฝันก็เปลี่ยนไปบ้างจากที่อยากเป็นอันนี้มาเป็นอีกอันหนึ่ง

      สิ่งหนึ่งที่พ่อแม่บอกกับผมเสมอๆ คือ ถึงแม้เราจะอยู่ที่ไหนเป็นอะไรเราก็ต้องมีเงื่อนไขให้กับตนเอง เช่น ถ้าเป็นนักบวช เราก็ต้องมีเงื่อนไข คือ มีกฎ ระเบียบ มีวินัย ที่จะทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น เพราะเราเป็นคนของพระเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าเรามีครอบครัว เราก็ต้องมีเงื่อนไขเหมือนกัน คือ มีพันธนาการของชีวิต ต้องทำมาหากิน ต้องเลี้ยงดูครอบครัว เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกหลาน เพราะฉะนั้น จะอยู่ไหนจะเป็นอะไรก็มีเงื่อนไข เป็นพระก็มีเงื่อนไข เป็นฆราวาสก็มีเงื่อนไขเหมือนกัน จะอยู่ตรงไหนมีเงื่อนไขทั้งนั้นจะรับราชการทหารเขาก็มีเงื่อนไขของทหาร จะเป็นพลเรือนก็มีเงื่อนไขของพลเรือน 

        "เงื่อนไขมีไว้เพื่อบอกเรา ชี้ทาง ให้กับเราเมื่อคราวเราหลงผิด เป็นสิ่งที่เตือนเราและทุกครั้งที่เราหลงผิดเราสามารถที่จะเริ่มต้นใหม่ได้เสมอขอเพียงเริ่มต้นด้วยความตั้งใจจริง"
     

                     
                           

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทเรียนจากความทรงจำ


                   ความทรงจำ.....
                                จากหุบเขา....


ภาพในอดีต
 พวกนก พวกไก่หากินตามประสาของมัน

แม่น้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้าน
                                     ชาวบ้านใช้ประโยชน์จากมัน




ต้นไม้ป่าไม้รอบๆ หมู่บ้าน


สภาพปัจจุบันป่าไม้เริ่มหาย
                                 แล้วเหล่าสัตว์ป่าจะอยู่อย่างไง


ยิ่่งวันยิ่งหายไปมากขึ้น


สภาพที่เปลี่ยนจากเดิมแม่ตูม


      จากหมู่บ้านที่รอบๆ ไปด้วยภูเขามีแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้าน ในแม่น้ำเต็มไปด้วยกุ้ง หอย ปู่ ปลา เป็นเพราะความร่วมมือของชาวบ้านในหมู่บ้านที่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ รอบๆ หมู่บ้านเต็มไปด้วยต้นไม้และพวกนกนานาชนิด ตอนเช้าก่อนรุ่งอรุณขึ้นจะได้ยินเสียงนกร้องไก่ขันรอบๆ หมู่บ้าน เป็นภาพที่หาดูยากมากในปัจจุบัน เพราะสมัยนี้ผู้คนมุ่งแต่จะแข่งขันกัน มุ่งแต่แสวงหาเงินทองและสิ่งของรอบตัว

         ความทรงจำที่ไม่อยากจะลืมของผมในหมู่บ้านที่ผมเกิดและเติบโต ซี่งอยู่ห่างไกลจากความเจริญ ไม่มีทีวี ไม่มีไฟฟ้า "ยามพระอาทิตย์กำลังตกดินพวกนก พวกไก่และเหล่าสัตว์เริ่มกลับไปที่ของพวกมันโดยส่งเสียงร้องต่างก็แยกทางกันกลับไปตามสายสัมพันธ์ของมัน" พอรุ่งเช้าก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นพวกนก พวกไก่ และเหล่าสัตว์ป่าก็เริ่มออกจะที่เพื่อไปหากินตามประสาของสัตว์ ทุกๆ เช้าจะได้ยินเสียงร้องของสัตว์เหล่านี้ มันเป็นอะไรที่ดีไม่รู้จะพูดบรรยายออกมาอย่างไงดีแต่รู้เพียงว่ามันดีมาก

            จากหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลความเจริญและรอบๆ หมู่บ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ และสัตว์ป่านานาชนิดเริ่มที่จะหายไปจากหมู่บ้านแล้วในตอนนี้ ภาพที่ผมอยู่ ภาพผมเห็นมันเริ่มจะเป็นเพียงความทรงจำของผมแล้วเพราะสิ่งเหล่านั้นมันกำลังจะหายไปจะหมู่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยป่าไม้ ทุกวันนี้ไม่เหมือน ดังแต่ก่อนที่มันเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่า ป่าไม้ แม่น้ำและภูเขาเงียบไปหมดไม่ค่อยจะได้ยินเสียงนกร้องแล้ว ตอนนี้มันเป็นเพียงเรื่องเล่าที่มันมีอยู่ในช่วงขณะหนึ่งเท่านั้น "แต่ภาพเหล่านั้นมันจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป" 
               
         การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่มันจะเกิดผลดีเสมอไปและไม่ใช่ว่ามันจะเกิดผลเสียสักทีเดียว ดังนั้นผมคิดว่าเราก็ต้องยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่มีการเปลี่ยนแปลง หากมันเกิดผลดีต่อการดำเนินชีวิตเราก็รับมันไว้และหากเป็นผลกระทบต่อชีวิตก็รับรู้มันและปล่อยวาง แต่ภาพในอคีตก็จะอยู่ในความทรงจำของเรา การแปลี่ยนแปลงนั้นจะอยู่ในความทรงจำเป็นทั้งความทรงจำที่ดีและไม่ดี ก็แล้วแต่ว่าที่ผ่านมามันเป็นสิ่งดีและสิ่งใหม่ๆ เข้ามานั้นมันเป็นเช่นไร

        

         



                            

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Philosophy with Thanakrit Mahalapchai


ประสบการณ์ที่เกี่ยวกับเวลาของผม


                         พัก 10 นาที (นักเรียนบ้านแม่ตูมทำอะไรกัน)



                    ก่อนถึงแม่ตูม

                   ต้องแว้นแม่แจ่มก่อน                  


                 ขอนำเสนอ
                                   นาขั้นบันได ณ เมืองแม่แจ่



                                                     ถนนไปแม่ตูม





                                                   ถึงแล้วบ้านแม่ตูม



                                                 นี้แหละ หมู่บ้านแม่ตูม


                                         
                           7 eleven บ้านแม่ตูม






                              ที่พักริมแม่น้ำแม่ตูม



                   มาขอบคุณพระเจ้าด้วยกัน 

         หลังจากเก็บเกี่ยวพืชผลแรกเสร็จ






                       
                                            โรงเรียนบ้านแม่ตูม

                   ต้อนรับทุกท่านนะครับ

ค่ายลูกเสือ ณ โรงเรียนบ้านแม่ตูม

 มีโรงเรียนอื่นมาเข้ากับเราด้วย

                                               
                             สำเสร็จการศึกษา
                                                   
                                  
                                                        congratulation  



     จากวันนั้นถึงวันนี้....ณ หมู่บ้านแม่ตูม... และวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร

     หมู่บ้านแม่ตูมเป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่ สงบ เรียบง่าย  และเต็มไปด้วยภูเขารอบๆ หมู่บ้าน ซึ่งประกอบด้วยป่าไม้ ต้นไม้ใหญ่ ตอนผมเด็กอยู่จำได้ว่าผมจะเข้าป่ากับพ่อของผมเป็นประจำ ในป่าใหญ่จะได้ยินเสียงนกร้อง ไก่ขันเต็มไปหมด อากาศเย็นสดชื่น ชาวบ้าน บ้านแม่ตูมจะรู้จักกันหมดจะสนิทสัมพันธ์กัน ตอนเย็นก่อนนอนพวกเราจะมาหากันมาคุยกัน แบ่งปังประสบการณ์ ผู้ใหญ่จะเล่านินทาให้กับเด็กๆ ฟัง ผมจำได้ว่าตกเย็นมาจะมีเด็กๆ มาที่บ้านผม ให้ย่าผมเล่านินทาให้ฟัง ซึ่งเป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจมาก ส่วนหนึ่งที่เด็กๆ ให้ผู้ใหญ่เล่านินทาให้ฟังหรือเรื่องราวในอดีตให้ฟังก็เพราะในตอนนั้นยังไม่มี ทีวี ให้ดูเด็กๆ ชาวบ้านจะไปมาหาสู่กันเพื่อบอกเล่าเรื่องทุกข์ สุขให้กันและกัน ลืมบอกหมู่บ้านแม่ตูมจะห่างไกลจากตัวเมืองแม่แจ่ม 45 กิโลเมตร ซึ่งจะมีความยากลำบากพอสมควรเวลาลงไปในตัวเมืองแม่แจ่ม อีกอย่างรถแทบจะไม่มี และนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวบ้านไม่ค่อยลงไปในตัวเมือง
          แม่ตูมวันนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจะเดิมที่มีการไปมาหาสู่กัน เด็กๆ ให้ผู้ใหญ่เล่านินทา เรื่องราวในอดีตให้ฟัง ค่อยๆ หายไป ถึงแม้จะมีอยู่บ้างแต่น้อยมากเมื่อเทียบกับสมัยนั้น ผมเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนั้น เปลี่ยนแปลงจากเดิม ก็เพราะกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป และโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้แม่ตูมเปลี่ยนแปลงไปด้วย บางอย่างเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี และบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปทำให้ประเพณีในอดีตหายไป การเปลี่ยนแปลงที่ดี เช่น มีการพัฒนาถนนที่ดีขึ้นพอที่จะมีรถเข้ามาในหมู่บ้านได้  เด็กๆ เยาวชนได้มีการศึกษามากขึ้น และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทำให้มีผลเสีย เช่น เด็กๆ เยาวชนเข้าไปในเมืองแล้วลืมรากเหง้าของตนเอง ไม่เชื่อฟังพ่อแม่  ลืมประเพณีที่ผู้ใหญ่เคยทำไว้ และนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตอาจจะไม่มีประเพณีด้ามเดิมเหลือนอยู่ เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่คนรุ่นใหม่ในหมู่บ้านแม่ตูมลืมรากเหง้าของตน
         จากวันนั้นถึงวันนี้ หมู่บ้านแม่ตูมเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก จากที่ไม่มีทีวีตอนนี้เริ่มที่จะมีบางแล้ว ประสบการณ์ของผมที่เกี่ยวกับเวลาคือ วันเวลาผ่านปทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอๆ ทุกอย่างเมื่อถึงวันที่ต้องหมดอายุการใช้งานก็จะต้องหาสิ่งทดแทนเข้ามาเพื่อที่จะแทนของเก่า แต่อยู่ที่ว่า ของใหม่นั้น จะมีคุณสมบัติดีพอที่จะมาแทนของเก่าได้หรือเปล่า และการเปลี่ยนแปลงย่อมมีการเปลี่ยนที่เกิดผลดีและผลเสียในเวลาเดียวกัน เช่นเดียวกับหมู่บ้านแม่ตูม

            

รูปภาพส่วนหนึ่งเอามาจาก   ที่นี่แม่ตูม ไออุ่นจากขุนเขาตะวันตก และ แม่แจ่ม  ขอบคุณด้วยครับ